
การสู่ขอ

สินสอด คือ เงินที่ให้แก่บิดามารดาของหญิงที่จะแต่งงานเป็นค่าน้ำนมหรือทรัพย์สินฝ่ายชาย ให้แก่ผู้ปกครองของหญิง เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส
ของหมั้น คือ สิ่งที่มอบให้หญิงไว้ เพื่อแสดงว่าจะมาแต่งงานด้วยต่อไป
มะฮัร คือ เงินหรือสิ่งของที่มอบให้หญิงที่จะสมรสและเป็นสิทธิ์ของเธอโดยเฉพาะไม่ตกเป็น ของบิดาหรือมารดา หลังจากตกลงเรื่องสินสอดของหมั้นเรียบร้อยแล้ว ก็จะหาวันดีที่จะประกอบพิธีแต่งงาน ซึ่งเป็นไปตามประเพณีนิยมของแต่ละท้องถิ่น อาจให้ฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายเป็นผู้ไปหา ขั้นตอน ต่อไปก็จะเตรียมงาน พิธีจะประกอบที่บ้านฝ่ายหญิงและเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงที่จะต้องเตรียม สิ่งของเครื่องใช้ให้พร้อม
การหมั้น

พิธีแต่งงาน
การแห่ขันหมากและแห่เจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาวจะมีหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีขบวนที่แห่เจ้าบ่าวจะประกอบด้วยขันหมากตามที่ตกลงกัน ซึ่งจะต้องมีจำนวนเป็นเลขคี่อย่างน้อย 5 ขัน ขันหมากสำคัญ ๆ คือ เงินหรือของ "มะฮัร" ขันหมาก ขันพลู ขันของหมั้น (หากหมั้นกับวันแต่งเป็น วันเดียวกัน) นอกนั้นก็เป็นขนมต่างๆ ผู้ที่จะถือขันหมากนิยมเลือกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือเป็นคนที่น่านับถือ รายที่ เคร่งครัดมากๆจะห้ามหญิงหม้ายและสาวๆถือขันหมาก เมื่อขบวนพร้อมแล้วจะเดินทางเพื่อให้ทันฤกษ์กำหนดนิกะห์ เมื่อไปถึงบ้านเจ้าสาว จะมีคนออกมารับขันหมาก อาจเป็นสาวๆหรือผู้มีอาวุโสเป็นผู้เชิญขันหมากเข้าบ้านก็ได้ แล้วแต่ประเพณีนิยม
การนิกะห์ ต้องประกอบด้วยองค์ 5 ได้แก่
1. วลี คือ ผู้ปกครองของหญิงซึ่งมีสิทธิ์ให้หญิงนั้นประกอบพิธีสมรสต้องเป็นเพศชายมีสติ สัมปชัญญะ ไม่อยู่ระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ อาจเป็นบิดา ปู่ พี่ชายหรือน้องชายของหญิงก็ได้
2. เจ้าบ่าว
3. พยาน 2 คน (ต้องเป็นมุสลิมที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และบรรลุนิติภาวะ)
4. ประธานผู้ทำพิธีนิกะห์ (อาจเป็นคนเดียวกับวลีก็ได้) หรือเป็นโต๊ะอิหม่ามในละแวกนั้น
5. มะฮัร
ในกรณีที่มีการหมั้นหลังการนิกะห์ นิยมจัดหมั้นในวันถัดไป อาจมีการจัดขบวนแห่ ขันหมากไปอีกครั้ง (จะไม่จัดก็ได้) เมื่อขบวนมาถึงบ้านเจ้าสาว ญาติฝ่ายเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับ เจ้าบ่าวแล้วนำเจ้าสาวไปนั่งบัลลังก์ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นเวลากลางคืน
การให้บัลลังก์ ประเพณีของจังหวัดยะลาจะให้เจ้าบ่าวนั่ง (ทางขวา) ก่อน ต่อจากนั้น เจ้าบ่าวก็จะสวมของหมั้นให้แก่เจ้าสาว (การสวมของหมั้นอาจกระทำหลังเสร็จพิธีนิกะห์เลยก็ได้) ในขณะที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวนั่งบัลลังก์ (บนแท่นหรือเก้าอี้ที่ประดับประดาไว้อย่างสวยงาม) จะเชิญญาติมิตรของทั้ง 2 ฝ่าย มาชมเพื่อร่วมแสดงความยินดี และจะเชิญผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือ หรือญาติผู้ใหญ่มาทำพิธีกินสมางัต โดยนำเอาส้มแขก เกลือ ข้าว มาป้อนคู่บ่าวสาว (จะใช้ วิธีแตะ ๆ ก็ได้) เพื่อเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นจะเชิญญาติผู้ใหญ่ที่มาในงาน 3 คน มาป้อน ข้าวเหนียว 3 สี (ขาวแดง เหลือง) ไข่ และขนมให้คู่บ่าวสาว การป้อนต้องป้อนแต่ละคนจนครบ ทุกอย่างเมื่อญาติผู้ใหญ่ทั้ง 3 คน ป้อนให้จนครบแล้ บรรดาญาติและแขกเหรื่อที่ไปอาจจะมอบ เงิน หรือของขวัญ ให้คู่บ่าวสาวเป็นอันเสร็จพิธี
ศาสนาอิสลามอนุญาต ให้ชายมีการแต่งงานที่ถูกต้องตามหลักทางศาสนา ได้ถึง 4 คน แต่ทั้งนี้ฝ่ายชายจะต้องสามารถเลี้ยงดูให้มีความสุขและมีความยุติธรรมแก่ภรรยาทุกคนได้ ถ้าไม่ สามารถปฏิบัติดังกล่าวได้ ศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ให้มีเพียงคนเดียว ข้อความดังกล่าวมีบัญญัติไว้ ในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ทั้งนี้เพราะการร่วมหลับนอนกับหญิงอื่นที่ไม่ได้แต่งงานให้ถูกต้องตามหลัก ศาสนาอิสลาม (นิกะห์) ห้ามโดยเด็ดขาด ถือว่าเป็นการบาปอย่างร้ายแรง หากชายใดมีความต้องการ ทางเพศมาก ก็ให้แต่งงานกับหญิงอื่นอย่างถูกต้องเสียก่อน ฉะนั้นการอนุญาตให้มีถึง 4 คนได้ จึงเป็นการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบร่วมประเวณีกับหญิงอื่น และไม่ให้เที่ยวเตร่ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การเที่ยวตามไนท์คลับ สถานอาบ อบ นวด และหญิงโสเภณี เป็นต้น
การแห่ขันหมากและแห่เจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาวจะมีหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีขบวนที่แห่เจ้าบ่าวจะประกอบด้วยขันหมากตามที่ตกลงกัน ซึ่งจะต้องมีจำนวนเป็นเลขคี่อย่างน้อย 5 ขัน ขันหมากสำคัญ ๆ คือ เงินหรือของ "มะฮัร" ขันหมาก ขันพลู ขันของหมั้น (หากหมั้นกับวันแต่งเป็น วันเดียวกัน) นอกนั้นก็เป็นขนมต่างๆ ผู้ที่จะถือขันหมากนิยมเลือกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือเป็นคนที่น่านับถือ รายที่ เคร่งครัดมากๆจะห้ามหญิงหม้ายและสาวๆถือขันหมาก เมื่อขบวนพร้อมแล้วจะเดินทางเพื่อให้ทันฤกษ์กำหนดนิกะห์ เมื่อไปถึงบ้านเจ้าสาว จะมีคนออกมารับขันหมาก อาจเป็นสาวๆหรือผู้มีอาวุโสเป็นผู้เชิญขันหมากเข้าบ้านก็ได้ แล้วแต่ประเพณีนิยม
การนิกะห์ ต้องประกอบด้วยองค์ 5 ได้แก่
1. วลี คือ ผู้ปกครองของหญิงซึ่งมีสิทธิ์ให้หญิงนั้นประกอบพิธีสมรสต้องเป็นเพศชายมีสติ สัมปชัญญะ ไม่อยู่ระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ อาจเป็นบิดา ปู่ พี่ชายหรือน้องชายของหญิงก็ได้
2. เจ้าบ่าว
3. พยาน 2 คน (ต้องเป็นมุสลิมที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และบรรลุนิติภาวะ)
4. ประธานผู้ทำพิธีนิกะห์ (อาจเป็นคนเดียวกับวลีก็ได้) หรือเป็นโต๊ะอิหม่ามในละแวกนั้น
5. มะฮัร
ในกรณีที่มีการหมั้นหลังการนิกะห์ นิยมจัดหมั้นในวันถัดไป อาจมีการจัดขบวนแห่ ขันหมากไปอีกครั้ง (จะไม่จัดก็ได้) เมื่อขบวนมาถึงบ้านเจ้าสาว ญาติฝ่ายเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับ เจ้าบ่าวแล้วนำเจ้าสาวไปนั่งบัลลังก์ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นเวลากลางคืน
การให้บัลลังก์ ประเพณีของจังหวัดยะลาจะให้เจ้าบ่าวนั่ง (ทางขวา) ก่อน ต่อจากนั้น เจ้าบ่าวก็จะสวมของหมั้นให้แก่เจ้าสาว (การสวมของหมั้นอาจกระทำหลังเสร็จพิธีนิกะห์เลยก็ได้) ในขณะที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวนั่งบัลลังก์ (บนแท่นหรือเก้าอี้ที่ประดับประดาไว้อย่างสวยงาม) จะเชิญญาติมิตรของทั้ง 2 ฝ่าย มาชมเพื่อร่วมแสดงความยินดี และจะเชิญผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือ หรือญาติผู้ใหญ่มาทำพิธีกินสมางัต โดยนำเอาส้มแขก เกลือ ข้าว มาป้อนคู่บ่าวสาว (จะใช้ วิธีแตะ ๆ ก็ได้) เพื่อเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นจะเชิญญาติผู้ใหญ่ที่มาในงาน 3 คน มาป้อน ข้าวเหนียว 3 สี (ขาวแดง เหลือง) ไข่ และขนมให้คู่บ่าวสาว การป้อนต้องป้อนแต่ละคนจนครบ ทุกอย่างเมื่อญาติผู้ใหญ่ทั้ง 3 คน ป้อนให้จนครบแล้ บรรดาญาติและแขกเหรื่อที่ไปอาจจะมอบ เงิน หรือของขวัญ ให้คู่บ่าวสาวเป็นอันเสร็จพิธี
ศาสนาอิสลามอนุญาต ให้ชายมีการแต่งงานที่ถูกต้องตามหลักทางศาสนา ได้ถึง 4 คน แต่ทั้งนี้ฝ่ายชายจะต้องสามารถเลี้ยงดูให้มีความสุขและมีความยุติธรรมแก่ภรรยาทุกคนได้ ถ้าไม่ สามารถปฏิบัติดังกล่าวได้ ศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ให้มีเพียงคนเดียว ข้อความดังกล่าวมีบัญญัติไว้ ในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ทั้งนี้เพราะการร่วมหลับนอนกับหญิงอื่นที่ไม่ได้แต่งงานให้ถูกต้องตามหลัก ศาสนาอิสลาม (นิกะห์) ห้ามโดยเด็ดขาด ถือว่าเป็นการบาปอย่างร้ายแรง หากชายใดมีความต้องการ ทางเพศมาก ก็ให้แต่งงานกับหญิงอื่นอย่างถูกต้องเสียก่อน ฉะนั้นการอนุญาตให้มีถึง 4 คนได้ จึงเป็นการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบร่วมประเวณีกับหญิงอื่น และไม่ให้เที่ยวเตร่ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การเที่ยวตามไนท์คลับ สถานอาบ อบ นวด และหญิงโสเภณี เป็นต้น