สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนผู้มีจิตอาสา ร่วมเป็นอาสาสมัครสภากาชาดไทยเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ ณ ที่ว่าการอำเภอสุคิริน ( ห้องสำนักงานอำเภอสุคิริน ชั้น ๒ ) ตั้งแต่บัดนี้ จนถึง วัน พุธ ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นี้ 12 - 14 มิถุนายน 2558 ขอเชิญร่วมงานประเพณีบุญบั้งไฟสุดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 100 ปีเมืองนราธิวาส ณ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส

การแต่งงาน

            ชาวไทยมุสลิมภาคใต้ มีประเพณีการแต่งงานแตกต่างไปจากชาวไทยพุทธ ทั้งนี้เพราะต้อง ปฏิบัติให้เป็นไปตามศาสนาบัญญัติ จะละเมิดไม่ได้ การเลือกคู่ครองของไทยมุสลิม ต้องเป็นไปตามศาสนบัญญัติที่ว่า ต้องแต่งงานกับ คนที่เป็นมุสลิมด้วยกันเท่านั้น ในกรณีที่เป็นคนนอกศาสนา จะต้องให้เข้านับถือศาสนาอิสลาม เสียก่อน ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทางเดียวกัน และเมื่อมีลูกด้วยกันลูกจะได้เริ่มนับถือ ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการวางรากฐานศาสนาแต่เยาว์วัย อายุที่สมควรแต่งงาน ถ้าเป็นผู้หญิงต้อง ภายหลังจากที่มีประจำเดือนแล้วอายุประมาณ 13 -15 ปี แต่ในปัจจุบันเยาวชนมีการศึกษาดีขึ้น การแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยได้ลดน้อยลงไปด้วย


                                              การสู่ขอ 
            ผู้ไปสู่ขอคือมารดาฝ่ายชาย หรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชาย ต้องไปขอพบกับผู้ใหญ่ ของฝ่ายหญิงพร้อมกับมีของไปฝากฝ่ายหญิง อาจจะเป็นขนมหรือผลไม้ก็ได้ เมื่อไปถึงแล้วก็บอกว่า มีธุระจะปรึกษาด้วย แล้วสอบถามว่าผู้หญิง (คนที่ต้องการสู่ขอ) มีคู่แล้วหรือยัง มีชายใดหมายปอง อยู่แล้วหรือไม่ ถ้าฝ่ายหญิงตอบว่ายังไม่มี ก็บอกว่าต้องการสู่ขอให้กับใคร ฝ่ายหญิงจะไม่ตอบ ตกลงในตอนนั้นและจะไม่ตอบรายละเอียดใด ๆ แต่จะขอเวลาปรึกษากันระหว่างญาติ ๆ ประมาณ วัน ช่วงเวลานี้ฝ่ายหญิงอาจจะสืบถามรายละเอียดเกี่ยวกับฝ่ายชาย (หากไม่รู้จักกัน มาก่อนหรือยังรู้จักไม่ดีพอ) แม้จะรู้จักกันอยู่เป็นอย่างดีแล้ว ก็จะขอให้รอคำตอบตามประเพณี เมื่อครบกำหนดฝ่ายหญิงจะส่งคนที่นับถือไปบอกฝ่ายชายในกรณีที่ตกลง ถ้าไม่ตกลงก็จะเงียบเฉย ให้เป็นที่รู้เอาเอง เมื่อฝ่ายหญิงตกลงแล้ว ผู้ใหญ่ฝ่ายชายก็จะไปตกลงวิธีการแต่งงานที่บ้าน ฝ่ายหญิงอีกครั้งในวันนี้จะตกลงเรื่องวันแต่งงาน สินสอด ของหมั้น และมะฮัร


       สินสอด คือ งินที่ให้แก่บิดามารดาของหญิงที่จะแต่งงานเป็นค่าน้ำนมหรือทรัพย์สินฝ่ายชาย ให้แก่ผู้ปกครองของหญิง เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส

       ของหมั้น คือ สิ่งที่มอบให้หญิงไว้ เพื่อแสดงว่าจะมาแต่งงานด้วยต่อไป
       มะฮัร คือ เงินหรือสิ่งของที่มอบให้หญิงที่จะสมรสและเป็นสิทธิ์ของเธอโดยเฉพาะไม่ตกเป็น ของบิดาหรือมารดา หลังจากตกลงเรื่องสินสอดของหมั้นเรียบร้อยแล้ว ก็จะหาวันดีที่จะประกอบพิธีแต่งงาน ซึ่งเป็นไปตามประเพณีนิยมของแต่ละท้องถิ่น อาจให้ฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายเป็นผู้ไปหา ขั้นตอน ต่อไปก็จะเตรียมงาน พิธีจะประกอบที่บ้านฝ่ายหญิงและเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงที่จะต้องเตรียม สิ่งของเครื่องใช้ให้พร้อม
             การหมั้น 

ตามประเพณีไทยมุสลิมอาจะเลือกทำได้ ลักษณะ คือ หมั้นก่อนทำพิธีนิกะห์ (แต่งงานตามหลักศาสนา)หรือหมั้นหลังทำพิธีนิกะห์ ซึ่งจะเป็นผลดีและมีข้อห้ามต่างกันกล่าวคือ ถ้าหมั้นก่อนแต่งงาน เจ้าบ่าวจะถูกต้องเจ้าสาวไม่ได้ จะกระทำกันระหว่างผู้ใหญ่ของทั้ง ฝ่าย เท่านั้น แล้วจึงแจ้งให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวรู้ว่าตนมีคู่หมั้นแล้ว หลังจากนั้นจะทำให้การติดต่อกัน เป็นไปด้วยความสะดวก คือฝ่ายชายสามารถติดต่อกับญาติของฝ่ายหญิงได้โดยไม่ถูกครหานินทา ส่วนการหมั้นหลังพิธีนิกะห์แล้ว เจ้าบ่าวสามารถถูกต้องเจ้าสาวได้ เจ้าบ่าวจึงสวมของหมั้น ให้กับเจ้าสาวได้ และสามารถจัดพิธีนั่งบัลลังก์เพื่อให้ญาติทั้ง ฝ่าย ร่วมแสดงความยินดีได้อย่าง สมเกียรต







         พิธีแต่งงาน 
                การแห่ขันหมากและแห่เจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาวจะมีหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีขบวนที่แห่เจ้าบ่าวจะประกอบด้วยขันหมากตามที่ตกลงกัน ซึ่งจะต้องมีจำนวนเป็นเลขคี่อย่างน้อย 5 ขัน ขันหมากสำคัญ ๆ คือ เงินหรือของ "มะฮัร" ขันหมาก ขันพลู ขันของหมั้น (หากหมั้นกับวันแต่งเป็น วันเดียวกัน) นอกนั้นก็เป็นขนมต่างๆ ผู้ที่จะถือขันหมากนิยมเลือกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือเป็นคนที่น่านับถือ รายที่ เคร่งครัดมากๆจะห้ามหญิงหม้ายและสาวๆถือขันหมาก เมื่อขบวนพร้อมแล้วจะเดินทางเพื่อให้ทันฤกษ์กำหนดนิกะห์ เมื่อไปถึงบ้านเจ้าสาว จะมีคนออกมารับขันหมาก อาจเป็นสาวๆหรือผู้มีอาวุโสเป็นผู้เชิญขันหมากเข้าบ้านก็ได้ แล้วแต่ประเพณีนิยม
           การนิกะห์ ต้องประกอบด้วยองค์ 5 ได้แก่
   1.
วลี คือ ผู้ปกครองของหญิงซึ่งมีสิทธิ์ให้หญิงนั้นประกอบพิธีสมรสต้องเป็นเพศชายมีสติ สัมปชัญญะ         ไม่อยู่ระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ อาจเป็นบิดา ปู่ พี่ชายหรือน้องชายของหญิงก็ได้
    2.
เจ้าบ่าว
    3.
พยาน 2 คน (ต้องเป็นมุสลิมที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และบรรลุนิติภาวะ)
    4.
ประธานผู้ทำพิธีนิกะห์ (อาจเป็นคนเดียวกับวลีก็ได้) หรือเป็นโต๊ะอิหม่ามในละแวกนั้น
    5.
มะฮัร
            ในกรณีที่มีการหมั้นหลังการนิกะห์ นิยมจัดหมั้นในวันถัดไป อาจมีการจัดขบวนแห่ ขันหมากไปอีกครั้ง (จะไม่จัดก็ได้) เมื่อขบวนมาถึงบ้านเจ้าสาว ญาติฝ่ายเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับ เจ้าบ่าวแล้วนำเจ้าสาวไปนั่งบัลลังก์ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นเวลากลางคืน
         การให้บัลลังก์ ประเพณีของจังหวัดยะลาจะให้เจ้าบ่าวนั่ง (ทางขวา) ก่อน ต่อจากนั้น เจ้าบ่าวก็จะสวมของหมั้นให้แก่เจ้าสาว (การสวมของหมั้นอาจกระทำหลังเสร็จพิธีนิกะห์เลยก็ได้) ในขณะที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวนั่งบัลลังก์ (บนแท่นหรือเก้าอี้ที่ประดับประดาไว้อย่างสวยงาม) จะเชิญญาติมิตรของทั้ง 2 ฝ่าย มาชมเพื่อร่วมแสดงความยินดี และจะเชิญผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือ หรือญาติผู้ใหญ่มาทำพิธีกินสมางัต โดยนำเอาส้มแขก เกลือ ข้าว มาป้อนคู่บ่าวสาว (จะใช้ วิธีแตะ ๆ ก็ได้) เพื่อเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นจะเชิญญาติผู้ใหญ่ที่มาในงาน 3 คน มาป้อน ข้าวเหนียว 3 สี (ขาวแดง เหลือง) ไข่ และขนมให้คู่บ่าวสาว การป้อนต้องป้อนแต่ละคนจนครบ ทุกอย่างเมื่อญาติผู้ใหญ่ทั้ง 3 คน ป้อนให้จนครบแล้ บรรดาญาติและแขกเหรื่อที่ไปอาจจะมอบ เงิน หรือของขวัญ ให้คู่บ่าวสาวเป็นอันเสร็จพิธี
          ศาสนาอิสลามอนุญาต ให้ชายมีการแต่งงานที่ถูกต้องตามหลักทางศาสนา ได้ถึง 4 คน แต่ทั้งนี้ฝ่ายชายจะต้องสามารถเลี้ยงดูให้มีความสุขและมีความยุติธรรมแก่ภรรยาทุกคนได้ ถ้าไม่ สามารถปฏิบัติดังกล่าวได้ ศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ให้มีเพียงคนเดียว ข้อความดังกล่าวมีบัญญัติไว้ ในพระคัมภีร์อัลกุรอาน ทั้งนี้เพราะการร่วมหลับนอนกับหญิงอื่นที่ไม่ได้แต่งงานให้ถูกต้องตามหลัก ศาสนาอิสลาม (นิกะห์) ห้ามโดยเด็ดขาด ถือว่าเป็นการบาปอย่างร้ายแรง หากชายใดมีความต้องการ ทางเพศมาก ก็ให้แต่งงานกับหญิงอื่นอย่างถูกต้องเสียก่อน ฉะนั้นการอนุญาตให้มีถึง 4 คนได้ จึงเป็นการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบร่วมประเวณีกับหญิงอื่น และไม่ให้เที่ยวเตร่ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การเที่ยวตามไนท์คลับ สถานอาบ อบ นวด และหญิงโสเภณี เป็นต้น